วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ถึงเวลา สกสค.ปฏิรูปสวัสดิการเพื่อครู

ถึงเวลา สกสค.ปฏิรูปสวัสดิการเพื่อครู

ไม่ว่าหน่วยงานหรือองค์กรใดก็ตามเรื่องของสวัสดิการและสวัสดิภาพบุคลากรถือ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะบำรุงขวัญบุคลากรในหน่วย งานนั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการ ศึกษา(สกสค.)ซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแลเกี่ยวกับสวัสดิการและสวัสดิภาพของ ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ ทั้งเรื่องของรายได้ ปัญหาหนี้สิน ที่พัก ความเป็นอยู่อย่างการจัดให้บริการหอพักครู นั่นหมายถึงครูและบุคลากรทางการศึกษานับล้านคนย่อมมีสิทธิที่จะได้รับ ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้

เมื่อหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสวัสดิการและสวัสดิภาพครูทำงานและให้บริการที่ดี แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาย่อมได้รับการชื่นชมยินดี แต่ที่ผ่านมาถึงแม้ สกสค.จะต้องทำงานอย่างหนักเกี่ยวกับสารพัดปัญหาของครูและบุคลากร และผลงานที่ออกมาก็ได้รับทั้งคำชมและคำตำหนิ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก เรื่องนี้ทาง สกสค.เองก็ยอมรับและพยายามแก้ไขจุดบกพร่องด้วยตั้งใจให้ครูได้รับประโยชน์ สูงสุดจากการทำงานของ สกสค.

ที่ว่ามาคือความมุ่งมั่นของ สกสค. ที่จะทำงานเพื่อครู จึงเป็นที่มาของการเดินทางไปศึกษาดูงานด้านสวัสดิการและสวัสดิภาพครูของ ประเทศในยุโรปที่สหพันธรัฐเยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

เรื่องของอาชีพครูในเยอรมนี เท่าที่ฟังจาก นายเคล้าส์ เบรคเทอร์ นายกเทศมนตรีเมืองบาดวิมพ์เฟน ซึ่งเป็นเมืองเก่าแห่งหนึ่งของเยอรมนี ทราบว่า เป็นอาชีพที่มีปัญหาค่อนข้างน้อย โดยเป็นอาชีพที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีมาก เป็นข้าราชการกลุ่มหนึ่งที่มีรายได้ค่อนข้างสูงรองจากหมอ ครูประถมจะมีเงินเดือนประมาณ 2,000 ยูโร หรือ เกือบ 1 แสนบาท และถ้าเป็นระดับมหาวิทยาลัยก็มากขึ้น ส่วนสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล รัฐจะช่วยจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ถ้ามีลูกก็จะได้เพิ่มเป็น 70% ส่วนเรื่องหนี้สินต้องบอกว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลแต่โดยภาพรวมครูเขาจะไม่มี ปัญหามากมายเหมือนบ้านเรา เพราะเขาบอกว่าเงินเดือนที่เขาได้รับถ้าใช้จ่ายและกินอยู่อย่างปกติธรรมดา ไม่เดือดร้อนเลย

สำหรับเรื่องงานโรงแรมและการบริการได้ไปเห็นที่ IMI หรือ International Hotel Management Institute Switzerland ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาเอกชนที่สอนด้านการโรงแรมที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ IMI ตั้งอยู่ที่เมืองลูเซิร์น ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองแห่งการศึกษา มีสถาบันการศึกษามากมาย และมีนักศึกษาจากทั่วโลกเข้ามาอยู่ที่เมืองนี้เป็นจำนวนมาก สถาบัน IMI ถือว่าเป็นสถาบันที่จัดการเรียนการสอนด้านการโรงแรมและบริการเป็นอันดับ 1 ของโลก มีนักศึกษาจบออกไปแล้วประมาณ 5,000 คน โดย 74% ของนักศึกษาที่จบออกไปจะได้รับการโปรโมตเป็นระดับผู้บริหารภายในเวลา 5 ปี ซึ่งเขารู้สึกภูมิใจมากกับความสำเร็จนั้น สำหรับค่าเทอมต้องยอมรับว่าแพงมาก ๆ เพราะเฉลี่ยแล้วตกประมาณภาคเรียนละ 1 ล้านบาท ปีหนึ่งมี 3 ภาคเรียน (ไม่อยากจะคิดว่าเรียนจบแล้วเป็นเงินเท่าไหร่) ปัจจุบันที่ IMI มีนักศึกษาอยู่ประมาณ 500 คน จาก 78 ประเทศทั่วโลก ในจำนวนนี้มีนักเรียนไทย 6 คน

อภิชญา คมสัน หรือ น้องพีช วัย 20 ปี เด็กไทยที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนด้านการโรงแรมที่ IMI เล่าว่า อาชีพบริการเป็นงานที่หนักมาก การมาเรียนที่นี่ต้องลงมือทำทุกอย่าง ค่าเทอมแพงแต่ไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายแต่ก็มีความสุข เชื่อว่าสาขาที่เลือกเรียนยังไปได้อีกไกลเพราะงานโรงแรมและการจัดกิจกรรม ต่าง ๆ ยังต้องมีต่อไปเพียงแต่เราต้องสู้กันด้วยแนวคิดใหม่ ๆ และการบริการที่ดี สำหรับประเทศไทยคิดว่าถ้ามีสถาบันที่จัดการเรียนการสอนด้านการบริการอย่าง จริงจังได้ก็น่าจะดี เพราะเรื่องนี้เป็นเสน่ห์ของการทำธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้

ภายหลังการเดินทาง นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการ สกสค. ระบุว่า การศึกษาดูงานครั้งนี้พอจะเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนในเรื่องของรายได้ของ ครูและบุคลากรทางการศึกษาของไทยกับประเทศในยุโรป เพราะอาชีพครูในยุโรปจะมีรายได้ค่อนข้างสูง อีกทั้งเป็นอาชีพที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรีรองจากอาชีพแพทย์ โดยรัฐจะเข้ามาดูแลเรื่องสวัสดิการของครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็มีสหภาพครูที่เข้ามามีบทบาทในการต่อรองเงินเดือนและสวัสดิการ ให้ครู ทำให้มีความมั่นคงในอาชีพได้รับการยอมรับของสังคม ที่สำคัญไม่มีปัญหาหนี้สิน เนื่องจากมีรายได้ที่สูงพอ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องนำกลับมาคิด

“ผมมองว่าการแก้ปัญหาหนี้สินที่ถูกทาง คือ แก้ที่จุดเริ่มต้น รายได้ครูต้องมีมากกว่ารายจ่าย ซึ่งหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด ดังนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคุรุสภา สกสค. และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รวมถึงองค์กรครูต้องมาหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางที่จะทำให้ครูมีรายได้มากกว่ารายจ่าย และ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากการศึกษาดูงาน คือแนวคิดของคนในยุโรปที่เน้นการพึ่งพาตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงเรื่องการใช้จ่ายอย่างมีวินัยซึ่งทำให้ไม่เป็นหนี้ ฉะนั้นผมคิดว่าถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องกลับมาส่งเสริมเรื่องการพึ่งพาตน เองและความมีวินัยของครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างจริงจัง”

ส่วนเรื่องของ หอพักครู ซึ่งเป็นอีกงานหนึ่งของ สกสค.ที่จัดให้บริการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น นายบำเหน็จ มองว่า ปัจจุบัน สกสค.ยังทำได้ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร การได้มาเห็นกิจการโรงแรมของคนไทยที่อยู่ในเยอรมนีทำให้เห็นแนวคิดว่า การที่เจ้าของโรงแรมที่เป็นคนไทยธรรมดาไม่มีพื้นฐานการจัดการ อย่าง พี่แพม สมพงษ์ แพม ไพเคิล ซึ่งเป็นชาวศรีสะเกษ แต่สามารถบริหารกิจการในต่างประเทศได้เป็นอย่างดีและประสบความสำเร็จ ขณะที่ สกสค.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำเกี่ยวกับสวัสดิการโรงแรมที่พักให้กับครูมายาว นานแต่กลับทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องการบริการและความสะอาดที่ สกสค.ต้องกลับมาปรับปรุงเป็นการใหญ่ โดยรวมถึงการตกแต่งภายในห้องพักที่จะต้องทำให้ดีขึ้นด้วย เนื่องจาก สกสค.มีแนวคิดที่จะพัฒนาและขยายกิจการหอพักครู หรือ โรงแรมไป 4 ภูมิภาค เพราะฉะนั้นเราจึงต้องทำให้ได้อย่างมืออาชีพ

“เรื่องจิตบริการของพนักงาน ความสะอาด และการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าของผู้บริหาร รวมถึงการตกแต่งภายในให้ดูสวยงามน่าพัก และมีความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะแนวคิดการนำวัสดุตกแต่งที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างคราด พลั่ว คันไถ หรือวัสดุที่มีอยู่แล้วมาใช้ประโยชน์ซึ่งเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างต่ำ แต่ดูดี และมีความสวยงาม ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและผมจะนำกลับมาปรับปรุงงานของ สกสค.ให้ดีขึ้น” รองเลขาธิการ สกสค.ย้ำ

จากการดูงานครั้งนี้ยังได้ทำให้เห็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและน่าจะนำกลับมา ปรับใช้กับบ้านเรา คือ ประเทศในยุโรปรัฐบาลเขาจะให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา รัฐจะสนับสนุนให้เรียนถึงระดับหนึ่งที่เรียกว่าเป็นการศึกษาพื้นฐานอย่าง เต็มที่ แต่เมื่อถึงระดับมหาวิทยาลัยก็จะเป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน อย่างที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยรัฐจะมีกองทุนให้กู้ยืมเรียนโดย ไม่คิดดอกเบี้ยจนกว่าจะมีงานทำจึงทำให้มีคนจบการศึกษาระดับปริญญาไม่มากนัก เพราะฉะนั้นเมื่อเรียนจบขั้นพื้นฐานส่วนใหญ่ก็จะหางานทำกัน ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขามีนโยบายในการสอนคนที่ความชัดเจนว่า จะมีชีวิตที่ดีขึ้นถ้าทำงาน ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ เด็กสวิตเซอร์แลนด์บางคนไม่มีเงินจะเรียนก็ต้องดิ้นรนขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่รอแต่ให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาช่วย...น่าสนใจจริง ๆ.

อรนุช วานิชทวีวัฒน์

ที่มา
http://www.kruthai.info/2012/board02_/shows.php?Category=vipak&No=40

ไม่มีความคิดเห็น: