วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จี้ ศธ.โละประเมินวิทยฐานะแบบเก่า

ตามที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุลรมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบายให้การประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องดู จากผลลัพธ์หรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเป็นสำคัญนั้น รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตนเห็นด้วย เพราะจะทำให้การศึกษาลงสู่ห้องเรียน และส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพของเด็กให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง ใน ขณะที่ผ่านมาการขอเลื่อนวิทยฐานะจะเน้นการทำผลงานวิจัย เป็นเอกสาร ตำรา คล้ายกับการขอตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์มหาวิทยาลัย จนเกิดปัญหาการจ้างทำผลงาน หรือคัดลอกผลงานผู้อื่น รวมถึงปัญหาการทิ้งชั้นเรียน การมุ่งเป็นนักล่ารางวัล เพื่อมุ่งขอเลื่อนวิทยฐานะจนเกิดผลกระทบกับเด็กและที่ผ่านมานักวิชาการ นักการศึกษา ต่างก็ออกมายอมรับแล้วว่าการเลื่อนวิทยฐานะโดยวิธีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิด มหันต์ เกิดผลเสีย และที่ร้ายที่สุดเป็นการทำลายระบบการศึกษาของประเทศ ในขณะที่ผู้ปกครองก็ออกมาย้ำว่าเป็นเรื่องจริงที่การเรียนของลูกหลานไม่มี คุณภาพ

รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา รมว.ศธ.ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เรื่องตั้งอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเฉพาะกิจจัดทำร่างหลักเกณฑ์วิธีการประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อศึกษาวิเคราะห์เรื่องนี้อีกครั้ง แต่ตนไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะในเมื่อก็รู้อยู่แล้วว่าการเลื่อนวิทยฐานะดังกล่าวมีแต่ปัญหาจึงไม่จำ เป็นจะต้องไปศึกษาอะไรกันอีกแล้ว เพราะเราเสียเวลาไปมากกับเรื่องดังกล่าว ดังนั้นตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ รมว.ศธ.จะต้องใช้ความกล้าทางการเมืองในการประกาศยกเลิกการเลื่อนวิทยฐานะของ ครูและบุคลาการทางการศึกษาแบบเดิม ๆ ได้แล้ว และทบทวนสิ่งที่ทำไปทั้งหมด พร้อมทั้งเร่งการประเมินผลการเลื่อนวิทยฐานะด้วยการพิจารณาจากผลงานเชิง ประจักษ์ตามที่ประกาศไว้.



ที่มา:
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น: